วันอาทิตย์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2558

เมล็ด พันธุ์พื้นบ้าน

เมล็ด พันธุ์พื้นบ้าน คือเมล็ดพันธุ์แท้ที่มีความแข็งแรงทนต่อสภาพพื้นที่นั้นๆ ทั้งโรคและแมลง รวมถึงสภาพอากาศและสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมแต่ละท้องถิ่นได้ดี  โดย เมล็ดพันธุ์แท้สามารถเก็บเมล็ดพันธุ์จากต้นที่ปลูกไว้เป็นเชื้อพันธุ์ต่อไป ได้ในทุกรอบการผลิต     ซึ่งในการปลูกไม่จำเป็นต้องใช้สารเคมีหรือปุ๋ยยาเคมีในการผลิต  ทำให้เกิดความปลอดภัยต่อผู้ผลิตและผู้บริโภค ก่อให้เกิดความมั่นคงทางอาหารและรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ


เนื่องจากในปัจจุบันเมล็ดพันธุ์พื้นบ้านถูกแทนที่และคุกคามจากเมล็ดพันธุ์ ลูกผสม ซึ่งบางส่วนเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ตัดแต่งพันธุกรรม (GMOs) ทำให้เมล็ดพันธุ์พื้นบ้านบางส่วนถูกกลืนหายไป ทั้งนี้การใช้เมล็ดพันธุ์ลูกผสมหรือเมล็ดพันธุ์ตัดแต่งพันธุกรรมทำให้เกิด การผูกขาดด้านพันธุกรรมในระบบเกษตรกรรม โดยเกษตรกรหรือผู้ผลิตต้องใช้สารเคมีและยาฆ่าแมลงในทุกกระบวนการผลิต เพราะเมล็ดพันธุ์เหล่านี้ไม่ทนต่อสภาพแวดล้อมของแต่ละท้องถิ่น ซึ่งส่งผลให้เกิดความไม่ปลอดภัยผู้บริโภค เกิดระบบอาหารที่ไม่เป็นธรรม เกิดความไม่มั่นคงทางอาหาร ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้น เราจึงควรช่วยกันปลูกเมล็ดพันธุ์พื้นบ้าน
การเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์พื้นบ้าน
1.เมล็ดพันธุ์ที่เก็บจากผลแห้ง เช่น บวบหอม บวบเหลี่ยม  น้ำเต้า กระเจี๊ยบเขียว  ถั่วพู
วิธีการเก็บ - เก็บผลไปแขวนผึ่งลม ทิ้งไว้ให้แห้งสนิท
                - นำเอาผลไปตากแดด 3-5 วัน
                - นำผลมาเทเมล็ดออกจากฝัก แล้วนำมาทำความสะอาดและฝัดด้วยกระด้ง เพื่อคัดเมล็ดพันธุ์ที่สมบูรณ์ มีน้ำหนักดี
                - นำเมล็ดพันธุ์มาบรรจุในถุงกระดาษบีบอากาศออกให้หมด ปิดปากถุงให้แน่นและเขียนรายละเอียดไว้ข้างถุงหรืออาจจะบรรจุเมล็ดพันธุ์ลง ในขวดแล้วปิดฝาให้สนิท จากนั้นนำไปเก็บไว้ในตู้เย็นหรือตู้เก็บเมล็ดพันธุ์
 2.เมล็ดพันธุ์ที่เก็บในระยะเริ่มสุกแก่ เช่น ถั่วฝักยาว ข้าวโพด 
วิธีการเก็บ- นำพืชที่จะเก็บมามัดรวมกัน 5-6 ฝักต่อมัด
               - นำไปแขวนผึ่งลมในที่อากาศถ่ายเท 8-10 วัน (ห้ามตากแดด)
               - นำผลมากะเทาะเมล็ดออกจากฝัก แล้วนำมาทำความสะอาดและฝัดด้วยกระด้ง
               - นำเมล็ดพันธุ์มาบรรจุในถุงกระดาษบีบอากาศออกให้หมด ปิดปากถุงให้แน่น
และเขียนรายละเอียดไว้ข้างถุงหรืออาจจะบรรจุเมล็ดพันธุ์ลงในขวดแล้วปิดฝาให้สนิท จากนั้นนำไปเก็บไว้ในตู้เย็นหรือตู้เก็บเมล็ดพันธุ์
3. เมล็ดพันธุ์ที่เก็บเมื่อผลสุกแก่ เช่น มะแว้งเครือ มะระขี้นก ฟักทอง ฟักเขียว แตง 
วิธีการเก็บ- นำเอาผลสุกแก่มาผ่า เพื่อนำเมล็ดออกมาล้างให้สะอาด
               - นำเอาเมล็ดที่ล้างสะอาดแล้ว ไปตากแดดให้แห้งประมาณ 2-3 วัน
               - นำเมล็ดมาฝัดด้วยกระด้ง เพื่อคัดเมล็ดพันธุ์ที่สมบูรณ์ มีน้ำหนักดี
               - นำเมล็ดพันธุ์มาบรรจุในถุงกระดาษบีบอากาศออกให้หมด ปิดปากถุงให้แน่นและ

เขียนรายละเอียดไว้ข้างถุงหรืออาจจะบรรจุเมล็ดพันธุ์ลงในขวดแล้วปิดฝาให้สนิท จากนั้นนำไปเก็บไว้ในตู้เย็นหรือตู้เก็บเมล็ดพันธุ์

การตากเมล็ดพันธุ์
            การตากคือการทำให้เมล็ดแห้งซึ่งมีความจำเป็นมากต่อเมล็ดพันธุ์ เพราะเมล็ดพืชมีชีวิต หากมีความชื้นมากก็จะทำให้เมล็ดขึ้นราได้ง่ายและอ่อนแอต่อแมลงศัตรูพืช การตากแดดจึงช่วยลดความชื้นที่มีอยู่ในเมล็ดให้เหลืออยู่ในระดับที่เหมาะสมต่อการมีชีวิตแต่ไม่สามารถงอกได้ ซึ่งทำได้ดังนี้
                1.  ปูกระดาษ หรือแผ่นพลาสติกตรงบริเวณที่มีแสงแดดส่องตลอดวัน
                2.  เขี่ยเมล็ดพันธุ์กลับไปมา วันละ  2 – 3  วัน
                3. เมื่อถึงตอนเย็น ควรเก็บเข้าร่มเพื่อป้องกันน้ำค้างลง
                4. เมื่อเมล็ดแห้งดี จึงเก็บบรรจุใส่ในภาชนะ
 การป้องกันแมลงทำลาย ก่อนการบรรจุ
เมล็ดถั่วต่างๆ
แบบที่ 1  ถั่วเขียว  1  กิโลกรัม  ใช้เมล็ดละหุ่งบด 40 กรัม ผสมคลุกเคล้าให้ทั่ว
แบบที่ 2  น้ำมันพืช 2 ช้อนชา ต่อเมล็ดถั่ว 1 กิโลกรัม ผสมคลุกเคล้าให้ทั่ว
เมล็ดพันธุ์พืชทั่วไป
แบบที่ 1  ใบยี่โถหั่นฝอยอบแห้ง 40 กรัม ต่อเมล็ดพืช 1 กิโลกรัม ผสมคลุกเคล้าให้ทั่ว
แบบที่ 2  ขมิ้นชันป่น 50 กรัม ต่อเมล็ด 1 กิโลกรัม ผสมคลุกเคล้าให้ทั่ว
แบบที่ 3  ปูนขาว 50 กรัม ต่อเมล็ดพืช 1 กิโลกรัม ผสมคลุกเคล้าให้ทั่ว
การเก็บรักษา
            ประเทศเรามีสภาพอากาศร้อนชื้น ทำให้เมล็ดพันธุ์สูญเสียการงอกอย่างรวดเร็วหลังเก็บเกี่ยว หากต้องการเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ได้นานๆ จึงควรให้ความสำคัญต่อปัจจัยต่างๆ ดังนี้
                1.สภาพเมล็ดก่อนการจัดเก็บ เมล็ดที่แก่จัดและมีความสมบูรณ์จะเก็บได้นานกว่าเมล็ดที่ได้รับความเสียหายจากเครื่องจักร
                2. ความชื้นของเมล็ด และความชื้นของสภาพอากาศ ถ้าเมล็ดแห้งและอากาศแห้งจะเก็บเมล็ดไว้ได้นาน ภาชนะที่ใช้ในการเก็บบรรจุเมล็ดที่สามารถป้องกันความชื้นจากภายนอกได้จึงสำคัญมาก

                3. อุณหภูมิกับการเก็บเมล็ดพันธุ์ สำหรับการเก็บรักษาพืชทั่วไปแล้วไม่ควรเก็บในที่ๆ มีอุณหภูมิสูงเกิน 40 องศาเซนเซียส การเก็บที่อุณหภูมิต่ำ จะเก็บได้นานกว่าในที่อุณหภูมิสูง
                4. ส่วนประกอบของเมล็ด เมล็ดพืชที่ประกอบด้วยแป้ง  เช่น ข้าวโพด มะเขือ พริก ฯลฯ  จะเก็บได้นานกว่าพวกที่ประกอบด้วยไขมัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นพวกถั่วต่างๆ
ภาชนะที่ใช้ในการบรรจุ
                1.ถุงตาข่าย ถุงผ้า และถุงกระดาษ ทำให้การแลกเปลี่ยนอากาศระหว่างเมล็ดกับอากาศได้มาก ป้องกันความชื้นและการถ่ายเทอากาศได้น้อย การเก็บรักษาเมล็ดได้นานกว่า หากเป็นขวดแก้วที่มีสีชาจะเก็บไว้ได้นานกว่าขวดใส เก็บได้นานประมาณ ปี  หรือ ในตู้เย็น  เก็บไว้ได้นาน 1 – 3  ปี
                2.ถุงพลาสติก กระป๋อง ขวดแก้ว และภาชนะทึบที่มีฝาปิด สามารถป้องกันความชื้นและการถ่ายเทอากาศได้น้อย การเก็บรักษาเมล็ดได้นานกว่า  หากเป็นโอ่งหรือไหดินที่แห้ง เก็บได้นานประมาณ 1 ปี  หรือในตู้เย็น  เก็บไว้ได้นาน 1 – 3  ปี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น