เมล็ด พันธุ์พื้นบ้าน
คือเมล็ดพันธุ์แท้ที่มีความแข็งแรงทนต่อสภาพพื้นที่นั้นๆ ทั้งโรคและแมลง
รวมถึงสภาพอากาศและสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมแต่ละท้องถิ่นได้ดี โดย
เมล็ดพันธุ์แท้สามารถเก็บเมล็ดพันธุ์จากต้นที่ปลูกไว้เป็นเชื้อพันธุ์ต่อไป
ได้ในทุกรอบการผลิต ซึ่งในการปลูกไม่จำเป็นต้องใช้สารเคมีหรือปุ๋ยยาเคมีในการผลิต
ทำให้เกิดความปลอดภัยต่อผู้ผลิตและผู้บริโภค
ก่อให้เกิดความมั่นคงทางอาหารและรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ
เนื่องจากในปัจจุบันเมล็ดพันธุ์พื้นบ้านถูกแทนที่และคุกคามจากเมล็ดพันธุ์
ลูกผสม ซึ่งบางส่วนเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ตัดแต่งพันธุกรรม (GMOs) ทำให้เมล็ดพันธุ์พื้นบ้านบางส่วนถูกกลืนหายไป
ทั้งนี้การใช้เมล็ดพันธุ์ลูกผสมหรือเมล็ดพันธุ์ตัดแต่งพันธุกรรมทำให้เกิด
การผูกขาดด้านพันธุกรรมในระบบเกษตรกรรม
โดยเกษตรกรหรือผู้ผลิตต้องใช้สารเคมีและยาฆ่าแมลงในทุกกระบวนการผลิต
เพราะเมล็ดพันธุ์เหล่านี้ไม่ทนต่อสภาพแวดล้อมของแต่ละท้องถิ่น
ซึ่งส่งผลให้เกิดความไม่ปลอดภัยผู้บริโภค เกิดระบบอาหารที่ไม่เป็นธรรม
เกิดความไม่มั่นคงทางอาหาร ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้น
เราจึงควรช่วยกันปลูกเมล็ดพันธุ์พื้นบ้าน
การเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์พื้นบ้าน
1.เมล็ดพันธุ์ที่เก็บจากผลแห้ง เช่น บวบหอม
บวบเหลี่ยม น้ำเต้า กระเจี๊ยบเขียว ถั่วพู
วิธีการเก็บ - เก็บผลไปแขวนผึ่งลม
ทิ้งไว้ให้แห้งสนิท
- นำเอาผลไปตากแดด 3-5 วัน
- นำผลมาเทเมล็ดออกจากฝัก แล้วนำมาทำความสะอาดและฝัดด้วยกระด้ง
เพื่อคัดเมล็ดพันธุ์ที่สมบูรณ์ มีน้ำหนักดี
- นำเมล็ดพันธุ์มาบรรจุในถุงกระดาษบีบอากาศออกให้หมด
ปิดปากถุงให้แน่นและเขียนรายละเอียดไว้ข้างถุงหรืออาจจะบรรจุเมล็ดพันธุ์ลง
ในขวดแล้วปิดฝาให้สนิท จากนั้นนำไปเก็บไว้ในตู้เย็นหรือตู้เก็บเมล็ดพันธุ์
2.เมล็ดพันธุ์ที่เก็บในระยะเริ่มสุกแก่
เช่น ถั่วฝักยาว ข้าวโพด
วิธีการเก็บ- นำพืชที่จะเก็บมามัดรวมกัน 5-6
ฝักต่อมัด
- นำไปแขวนผึ่งลมในที่อากาศถ่ายเท 8-10
วัน (ห้ามตากแดด)
- นำผลมากะเทาะเมล็ดออกจากฝัก แล้วนำมาทำความสะอาดและฝัดด้วยกระด้ง
- นำเมล็ดพันธุ์มาบรรจุในถุงกระดาษบีบอากาศออกให้หมด
ปิดปากถุงให้แน่น
และเขียนรายละเอียดไว้ข้างถุงหรืออาจจะบรรจุเมล็ดพันธุ์ลงในขวดแล้วปิดฝาให้สนิท
จากนั้นนำไปเก็บไว้ในตู้เย็นหรือตู้เก็บเมล็ดพันธุ์
3. เมล็ดพันธุ์ที่เก็บเมื่อผลสุกแก่ เช่น
มะแว้งเครือ มะระขี้นก ฟักทอง ฟักเขียว แตง
วิธีการเก็บ- นำเอาผลสุกแก่มาผ่า
เพื่อนำเมล็ดออกมาล้างให้สะอาด
- นำเอาเมล็ดที่ล้างสะอาดแล้ว ไปตากแดดให้แห้งประมาณ 2-3
วัน
- นำเมล็ดมาฝัดด้วยกระด้ง
เพื่อคัดเมล็ดพันธุ์ที่สมบูรณ์ มีน้ำหนักดี
- นำเมล็ดพันธุ์มาบรรจุในถุงกระดาษบีบอากาศออกให้หมด
ปิดปากถุงให้แน่นและ
เขียนรายละเอียดไว้ข้างถุงหรืออาจจะบรรจุเมล็ดพันธุ์ลงในขวดแล้วปิดฝาให้สนิท
จากนั้นนำไปเก็บไว้ในตู้เย็นหรือตู้เก็บเมล็ดพันธุ์
การตากเมล็ดพันธุ์
การตากคือการทำให้เมล็ดแห้งซึ่งมีความจำเป็นมากต่อเมล็ดพันธุ์
เพราะเมล็ดพืชมีชีวิต
หากมีความชื้นมากก็จะทำให้เมล็ดขึ้นราได้ง่ายและอ่อนแอต่อแมลงศัตรูพืช
การตากแดดจึงช่วยลดความชื้นที่มีอยู่ในเมล็ดให้เหลืออยู่ในระดับที่เหมาะสมต่อการมีชีวิตแต่ไม่สามารถงอกได้
ซึ่งทำได้ดังนี้
1. ปูกระดาษ หรือแผ่นพลาสติกตรงบริเวณที่มีแสงแดดส่องตลอดวัน
2. เขี่ยเมล็ดพันธุ์กลับไปมา วันละ 2
– 3 วัน
3. เมื่อถึงตอนเย็น ควรเก็บเข้าร่มเพื่อป้องกันน้ำค้างลง
4. เมื่อเมล็ดแห้งดี จึงเก็บบรรจุใส่ในภาชนะ
การป้องกันแมลงทำลาย ก่อนการบรรจุ
เมล็ดถั่วต่างๆ
แบบที่ 1 ถั่วเขียว
1 กิโลกรัม ใช้เมล็ดละหุ่งบด
40 กรัม ผสมคลุกเคล้าให้ทั่ว
แบบที่ 2 น้ำมันพืช
2 ช้อนชา ต่อเมล็ดถั่ว 1
กิโลกรัม ผสมคลุกเคล้าให้ทั่ว
เมล็ดพันธุ์พืชทั่วไป
แบบที่ 1 ใบยี่โถหั่นฝอยอบแห้ง
40 กรัม ต่อเมล็ดพืช 1
กิโลกรัม ผสมคลุกเคล้าให้ทั่ว
แบบที่ 2 ขมิ้นชันป่น
50 กรัม ต่อเมล็ด 1
กิโลกรัม ผสมคลุกเคล้าให้ทั่ว
แบบที่ 3 ปูนขาว
50 กรัม ต่อเมล็ดพืช 1
กิโลกรัม ผสมคลุกเคล้าให้ทั่ว
การเก็บรักษา
ประเทศเรามีสภาพอากาศร้อนชื้น
ทำให้เมล็ดพันธุ์สูญเสียการงอกอย่างรวดเร็วหลังเก็บเกี่ยว
หากต้องการเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ได้นานๆ จึงควรให้ความสำคัญต่อปัจจัยต่างๆ ดังนี้
1.สภาพเมล็ดก่อนการจัดเก็บ
เมล็ดที่แก่จัดและมีความสมบูรณ์จะเก็บได้นานกว่าเมล็ดที่ได้รับความเสียหายจากเครื่องจักร
2. ความชื้นของเมล็ด และความชื้นของสภาพอากาศ
ถ้าเมล็ดแห้งและอากาศแห้งจะเก็บเมล็ดไว้ได้นาน
ภาชนะที่ใช้ในการเก็บบรรจุเมล็ดที่สามารถป้องกันความชื้นจากภายนอกได้จึงสำคัญมาก
3. อุณหภูมิกับการเก็บเมล็ดพันธุ์ สำหรับการเก็บรักษาพืชทั่วไปแล้วไม่ควรเก็บในที่ๆ
มีอุณหภูมิสูงเกิน 40 องศาเซนเซียส การเก็บที่อุณหภูมิต่ำ
จะเก็บได้นานกว่าในที่อุณหภูมิสูง
4. ส่วนประกอบของเมล็ด เมล็ดพืชที่ประกอบด้วยแป้ง เช่น
ข้าวโพด มะเขือ พริก ฯลฯ จะเก็บได้นานกว่าพวกที่ประกอบด้วยไขมัน
ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นพวกถั่วต่างๆ
ภาชนะที่ใช้ในการบรรจุ
1.ถุงตาข่าย ถุงผ้า และถุงกระดาษ
ทำให้การแลกเปลี่ยนอากาศระหว่างเมล็ดกับอากาศได้มาก
ป้องกันความชื้นและการถ่ายเทอากาศได้น้อย การเก็บรักษาเมล็ดได้นานกว่า
หากเป็นขวดแก้วที่มีสีชาจะเก็บไว้ได้นานกว่าขวดใส เก็บได้นานประมาณ 1
ปี หรือ ในตู้เย็น เก็บไว้ได้นาน
1 – 3 ปี
2.ถุงพลาสติก กระป๋อง ขวดแก้ว และภาชนะทึบที่มีฝาปิด
สามารถป้องกันความชื้นและการถ่ายเทอากาศได้น้อย การเก็บรักษาเมล็ดได้นานกว่า
หากเป็นโอ่งหรือไหดินที่แห้ง เก็บได้นานประมาณ 1 ปี
หรือในตู้เย็น เก็บไว้ได้นาน 1 – 3 ปี